1.บิซาคูโรน ส่วนผสมลับที่ค้นพบได้ยากในขมิ้น
บิซาคูโรน ส่วนผสมที่มีปริมาณน้อยในขมิ้น ต้องใช้การสกัดด้วยน้ำร้อน ซึ่งแตกต่างจากวิธีการสกัดที่ใช้ตัวทำละลายที่มีขั้วต่ำซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันในขมิ้นชัน ดังนั้นเราจึงได้ค้นพบนวัตกรรมใหม่ที่สามารถแยกสารบิซาคูโรนออกมาใช้งาน เพื่อเสริมการทำงานของตับ ป้องกันความเสียหาย และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
2.ช่วยให้การอักเสบเรื้อรังดีขึ้น แก้ไขปัญหาน้ำตาลในเลือด
การอักเสบเรื้อรัง คือ การที่ร่างกายเกิดการอักเสบเป็นระยะเวลานานกว่าปกติ เมื่อเกิดการอักเสบเป็นระยะเวลานาน ระบบภูมิคุ้มกันก็จะถูกสั่งงานบ่อยๆ ทำให้เนื้อเยื่อและอวัยวะเกิดการถูกทำลาย จนกลายเป็นโรคร้ายได้
ขมิ้นมีส่วนช่วยให้อาการอักเสบเรื้อรัง ปัญหาระดับน้ำตาลในเลือด จากการทดลองกับชายและหญิงอายุ 50 ถึง 69 ปี ระยะเวลา 12 สัปดาห์ ทดสอบโดยแบ่งตัวอย่างเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกทำการบริโภคสารสกัดการขมิ้น (ส่วนผสมของตัวบ่งชี้: Bisacurone 400 ไมโครกรัม, Turmeronol 100 ไมโครกรัม) และกลุ่มที่สอง ให้บริโภคตัวอย่างหลอก พบว่ากลุ่มค่าการอักเสบของกลุ่มแรก มีแนวโน้มต่ำกว่ากลุ่มที่สอง ที่บริโภคยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญภายใน 12 สัปดาห์
3.ช่วยลดอาการเหนื่อยล้า
ขมิ้นมีส่วนช่วยลดอาการเหนื่อยล้า จากการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างจำนวนหนึ่ง พบว่าหากทานขมิ้นติดต่อกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์ กลุ่มที่ได้รับประทานขมิ้นมีอาการเหนื่อยล้าที่น้อยกว่ากลุ่มที่ใช้ตัวยาหลอก
4.ช่วยลดการอักเสบของตับ
เคอร์คิวมินและบิซาคูโรนมีส่วนช่วยลดการอักเสบและปรับปรุงค่าเอนไซม์ของตับดีขึ้น เพราะการอักเสบของตับเกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นและเอนไซม์ในเลือดเพิ่มขึ้น จากการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างทั้งกลุ่มที่ทานขมิ้นและยาหลอก พบว่าหลังจากทานขมิ้นและยาหลอกครบ 12 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่ทานขมิ้นมีค่าการอักเสบของตับลดลงอย่างชัดเจน
5.ปกป้องผิวไม่ให้แห้งกร้านและช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น
ผิวอักเสบแห้งกร้าน เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลตเข้ามาทำลายชั้นผิวทำให้เกิดการอักเสบขึ้น ส่งผลให้กรดไฮยาลูโรนิกที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวลดลง ดังนั้นหากรับประทานขมิ้นเป็นประจำ สามารถช่วยปกป้องชั้นผิว ลดการอักเสบของชั้นผิวทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน และเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวเพิ่มขึ้น สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่เริ่มรับประทานใน 4 สัปดาห์แรก และช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นหลังจากรับประทานครบ 8 สัปดาห์